เปิดพฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์คนไทย 2020
กับการสร้าง New Digital Landscape ของตลาด eCommerce
บทความโดย Marketing Oops!
งานสัมมนาการตลาดดิจิทัล FOCAL 2020 ที่ กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 หัวข้อแรกในชื่อ “Thailand eCommerce Outlook” เปิดเผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ และการปรับใช้เพื่อสร้างการเติมโต โดย คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย มองว่า ธุรกิจ e-Commerce เติบโตเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก โดยยังคงมีประเทศจีนเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีการเติมโตสูง ในขณะที่ประเทศไทยก็มีการเติบโตที่ดีไม่แพ้กัน โดยเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นถ้าเทียบในตลาดโลกอยู่ที่ 2% นอกจากนี้ ยังพบว่า คนไทยติดใจการช้อปปิ้งออนไลน์และการสั่งอาหารดิลิเวอร์รี่มากขึ้น แม้คนที่ยังไม่เคยใช้แต่เมื่อลองใช้ครั้งแรกแล้วก็ล้วนติดใจ โดย 80% ตัดสินใจจะกลับมาช้อปปิ้งอีก แม้สถานการณ์ปกติแล้ว และยังพบข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ E-Commerce ไทย ดังนี้
>> แอปฯ อีคอมเมิร์ซ ติด Top 10 ของแอปฯ ที่คนไทยใช้มากที่สุด
>> มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2019 อยู่ที่ 163,000 ล้านบาท
>> ปี 2020 โควิดเป็นตัวเร่งให้อีคอมเมิร์ซเติบโตมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้จะโตขึ้น 35% ทำให้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดในปีนี้จะไปแตะที่ 220,000 ล้านบาท
สำหรับพฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ของคนไทย แบ่งออกเป็นการใช้งาน 3 ช่องทางหลัก ดังนี้
>> Marketplace มีสัดส่วนถึง 47%
>> Social Commerce มีสัดส่วน 38%
>> Online Retial หรือจากการเปิดเว็บไซต์ของตัวเอง 15% หรือเป็นพวกแบรนด์ดอทคอมต่าง ๆ เป็นการที่แบรนด์สร้างหน้าร้านออนไลน์ของตัวเองขึ้นมา
แต่พฤติกรรมของการช้อปปิ้งออนไลน์ในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน อย่างประเทศจีนจะเน้นไปที่ Marketplace มากกว่า โดยใช้ช่องทาง Marketplace สูงถึง 70-80% ในขณะที่คนไทยเหมือนจะถูกชักกะเย่อกันระหว่า 2 ฝั่ง โดยถ้าเป็น Marketplace ส่วนใหญ่แพล็ตฟอร์มจะมาจากประเทศจีน ในขณะที่ถ้าเป็นแพล็ตฟอร์ม Social Commerce จะอยู่ในฝั่งอเมริกา
และจากแพลตฟอร์มดังกล่าว นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Convergence of Platforms in Thailand Digital Landscape ทั้งนี้จากข้อมูล Facebook ระบุว่า พฤติกรรมคนไทย 90% จะหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจการซื้อก่อนผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นแบบนั้น ทำให้แพลตฟอร์มมีอิทธิพลสูงมาก ตั้งแต่การเสิร์ชหาข้อมูล การเบราวซ์หน้าฟีดเพื่อหาว่าเพื่อนหรือญาติซื้ออะไร ทำให้ Media เข้ามามีอิทธิพลในจุดนี้
ต่อมาคือ Advertising หรือโฆษณาก็จะเริ่มเข้ามาหาเรามากขึ้น มีการยิงแอดโฆษณาสินค้าต่าง ๆ เข้ามา เกิดการแนะนำสินค้าต่าง ๆ ให้เรามากขึ้น รวมทั้งสินค้าที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เราสนใจ จากนั้นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับเรา เข้ามาหาเรา อาทิ Lazada Shopee เป็นต้น
ถัดมาคือ ePayment ก็จะมามีอิทธิพลกับเราด้วย สุดท้ายเลยแพลตฟอร์มที่เกิดก็คือ Logistic ต่าง ๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเช่นกัน
จาก Landscape ทั้ง 5 ขั้นตอนที่เกิดขึ้น มีผลต่อชีวิตของผู้บริโภค ทำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ Convergence ตัวเองขยับให้เข้าใกล้ผู้บริโภคมากขึ้น จึงเป็นที่มาที่ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้ง Facebook หรือ Google ต่างเริ่มมีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เป็น Advertising eCommerce Payment และไปสู่ Logistic ด้วย
ทั้งนี้คุณธนาวัฒน์เชื่อว่า พฤติกรรมของ Media จะหันไปในทิศทางนี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบนี้อย่างแน่นอน แม้แต่ Banking เองก็กำลังไปในทิศทางนั้นและผันตัวเองเป็น Tech Company มากขึ้น ทำให้เราเห็น Robinhood จาก SCB หรือ Eatable จาก KBank เป็นต้น
ในมุมของแบรนด์และนักการตลาด สามารถเพิ่ิมโอกาสการขายออนไลน์จาก Landscape ทั้ง 3 ช่องทางการได้ ดังนี้
ใช้ช่องทาง Social Media เป็นช่องทางการขายมากขึ้น เพราะคนไทยใช้เวลากับมีเดียประเภทนี้เป็นส่วนมาก ซึ่งปัจจุบันช่องทางนี้ไม่ได้เป็นแค่การสร้าง Awareness หรือ Engagement เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นช่องทางการขายได้ด้วย แบรนด์จึงควรใช้โอกาสนี้ให้มาก
ผ่านช่องทางเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งหลายแบรนด์อาจจะไม่ใช้ช่องทางเว็บไซต์ของตัวเอง แต่อาจจะใช้ผ่าน Social Media หรือ Market Place แต่ช่องทางเว็บไซต์ของแบรนด์เองจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะผลักดันยอดขายเมื่อเกิดการเสิร์ชหาข้อมูล
ช่องทาง Marketplace ซึ่งเป็นที่นิยมอยู่แล้ว จะง่ายต่อการทำโปรโมชั่นก็ดี หรือร่วมกับเทศกาลต่าง ๆ ก็ได้
ทั้งหมดนี้ต้องทำทั้ง 3 อย่างเชี่อมโยงกัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับแบรนด์ในหลาย ๆ ทาง มากไปกว่านั้นคือการนำข้อมูลจากทั้ง 3 ช่องทางนำมาซึ่งการเก็บ Data แล้วนำไปสู่การพัฒนาระบบ CRM ที่มีประสิทธิภาพ หรือการออกแบบแคมเปญทางการตลาดอื่น ๆ ต่อไปได้