สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DAAT) ร่วมกับ 38 ดิจิทัลเอเยนซี่พันธมิตร และ คันทาร์ (ประเทศไทย) นำเสนอผลสำรวจมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาบนสื่อดิจิทัลประจำปี 2563 รวมถึงคาดการณ์การใช้เงินโฆษณาใน 57 ประเภทอุตสาหกรรม และ 16 ประเภทสื่อดิจิทัลสำหรับปี 2564
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ส่งผลให้ภาพรวมของเม็ดเงินลงทุนบนสื่อดิจิทัลมีการเติบโตขึ้นอย่างเชื่องช้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังยอดการลงทุนในสื่อดิจิทัลสามารถกลับมาเติบโตได้ โดยเพิ่มขึ้นถึง 8% ซึ่งมากกว่าตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 0.3% ตามที่สมาคมฯ ได้ทำการคาดการณ์ไว้เมื่อรอบเสนอผลสำรวจในช่วงกลางปี 2563
สำหรับ 5 อันดับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนบนสื่อโฆษณาดิจิทัลสูงสุด ได้แก่
>> กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (2,713 ล้านบาท)
>> กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ (1,993 ล้านบาท)
>> กลุ่มการสื่อสาร (1,979 ล้านบาท)
>> กลุ่มสกินแคร์ (1,922 ล้านบาท)
>> และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (1,717 ล้านบาท)
ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมใน 4 อันดับแรก ยังคงครองตำแหน่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนในโฆษณาดิจิทัลมากที่สุดโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่กลุ่มธุรกิจธนาคารที่เคยอยู่ในลำดับที่ 5 ในปีก่อนหน้าได้ถูกแทนที่โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเพิ่มเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล ได้แก่
>> กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ (+36%)
>> กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (+41%)
ในทางกลับกัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (-36%) กลุ่มธุรกิจธนาคาร (-30%) กลุ่มธุรกิจประกัน (-22%) และกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม (-40%) เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลดการใช้เงินบนสื่อดิจิทัล เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความต้องการและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค
เฟซบุ๊ค และยูทูป ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักที่แบรนด์ต่าง ๆ เลือกใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภค โดยเม็ดเงินบนสื่อดิจิทัลประเภท เฟซบุ๊ค ยูทูป และ ครีเอทีฟ สามารถครองสัดส่วนร้อยละ 60 ของเงินลงทุนในโฆษณาดิจิทัลทั้งหมดของปี 2563
นอกจากนี้ โซเชียล (+28%) และ เสิร์ช (+15%) ยังคงเป็นสื่อที่มีการเติมโตในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ไม่นับรวมอีคอมเมิร์ซและติ๊กต๊อกซึ่งเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในการสำรวจในปีนี้
สำหรับปี 2564 แม้สถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในการดำเนินชีวิต การท่องเที่ยว รวมไปถึงการจับจ่ายใช้สอย แต่ DAAT ได้ทำการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลจะยังคงมีการเติบโตในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปี 2563
ตัวแทนจากสมาคมฯ ได้ให้ความเห็นว่า
“สื่อออนไลน์จะไม่ถูกจัดให้เป็นสื่อรองอีกต่อไป และจะกลายมาเป็นสื่อหลักในการเชื่อมโยงผู้คนผ่านการสร้างสรรค์และสามารถสร้างความผูกพันธ์กับผู้บริโภคได้ แต่นักการตลาดจะต้องเข้าใจว่าในสภาพแวดล้อมที่เศษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นทุกคนจะต้องรู้จักปรับตัวให้รวดเร็วหากต้องการให้แบรนด์และสินค้าสามารถยืนหยัดอยู่ได้”
คุณศิวัตร เชาวรียวงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุ๊ปเอ็ม (ประเทศไทย) ในฐานะนายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า
“วิกฤติเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบต่ออุตสาหกรรมโฆษณา แม้งบประมาณของอุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมจะลดลง แต่ในทางกลับกันโฆษณาดิจิทัลก็ยังสามารถเติมโตขึ้นได้จากการปรับตัวของนักการตลาดที่เท่าทันพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่กับโลกออนไลน์มากขึ้นในช่วงล็อคดาวน์ ทำให้การวางแผนกลยุทธ์ไม่จำกัดเพียงเรื่องของการสื่อสาร แต่รวมไปถึงการซื้อขายสินค้าด้วย”
“แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะคาดการณ์ว่าสุดท้ายอุตสาหกรรมโฆษณาจะฟื้นคืนมาในทิศทางใด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลดลงของกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่โฆษณาดิจิทัลจะยังสามารถเติบโตขึ้นได้เนื่องจากผู้บริโภคยังใช้สื่อออนไลน์ในชีวิตประจำวันเพื่อการสื่อสาร การสืบค้น การเรียนรู้ และการใช้จ่าย”
ดร อาภาภัทร บุญรอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คันทาร์ (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า
“แม้แบรนด์ส่วนใหญ่ยังคงลงโฆษณาในแพลตฟอร์มหลัก ๆ เช่น เฟซบุ๊ค และยูทูป ซึ่งอยู่ในลำดับต้น ๆ มาเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น การรายงานผลในปีนี้จะมีการเพิ่มโฆษณาในส่วนของ ติ๊กต๊อก และ อีคอมเมิร์ซ เข้ามาเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมดิจิทัลของผู้บริโภคที่ใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับนักการตลาด”
ผู้ที่สนใจรายงานการใช้งบโฆษณาบนสื่อดิจิทัลฉบับเต็ม สามารถติดต่อ Kantar หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kantarthailand.dpdchart.com/