แพลนบี-วีจีไอ เดินหน้าพัฒนาตัวชี้วัดแบรนด์
ในงานสัมมนาการตลาดดิจิทัล กรุ๊ปเอ็ม โฟคัล 2020 (GroupM FOCAL 2020) จัดโดยยักษ์มีเดียเอเยนซี่ กรุ๊ปเอ็ม โดยหยิบยกหัวข้อ วิวัฒนาการของอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านของประเทศไทย เกี่ยวกับข้อมูลและผลตอบแทนทางธุรกิจหรือ Evolution of Thailand OOH Industry: Data & Business ROI ซึ่ง 2 กูรูจาดสื่ิอนอกบ้านรายใหญ่ของเมืองไทยอย่าง แพลนบี และ วีจีีไอ มาฉายภาพตลาด
พาขวัญ วงศ์พลทวี ประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของตลาดและสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนต้องอยู่บ้าน ทำให้เรียนรู้ว่าการได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน หรือจำเป็นต้องออกไปข้างนอกมีคุณค่าอย่างยิ่ง และผู้บริโภคโหยหาวิถีชีวิตดังกล่าวอย่างมาก
ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้วิวัฒนาการของสื่อโฆษณานอกบ้านมีการเติบโตสม่ำเสมอ โดยระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สื่อนอกบ้านเติบโต 4.6% และปี 2562 มีมูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวตีคู่มากับสื่อออนไลน์ สวนทางกับสื่ออื่น ๆ ที่หดตัวลง
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้สื่อนอกบ้านยังได้รับความนิยมจากแบรนด์และนักการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากมองเห็นเป็นรูปธรรม มีความน่าเชื่อถือ ผู้บริโภคไม่สามารถกดข้ามการมองเห็นเนื้อหาหรือคอนเท้นท์ได้ และเป็นมิตรเพราะไม่ได้แข่งขันกับผู้ให้บริการหรือโฆษณาอื่น ๆ แม้หลายปีที่ผ่านมาลูกค้ามักตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าหรือผลตอบแทนในการใช้เงินผ่านสื่อโฆษณานอกบ้านออกมาเท่าใดหรือ ROI
ปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาการวัดผลทั้งเชิงคุณภาพควบคู่เชิงปริมาณ ร่วมมือกับหน่วยงานจราจรต่าง ๆ เก็บข้อมูลจำนวนรถที่สัญจรบนท้องถนนผ่านป้ายโฆษณานั้น ๆ และยังค่ายโทรคมนาคมเก็บข้อมูลจำนวนคนมองเห็นป้ายโฆษณา (Eyeball) คนที่เห็นป้ายแบบเจาะจง (Niche Eyeball) ข้อมูลส่วนตัวของกลุ่มเป้าหมาย ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยฯ เพื่อวัดผลเชื่อมออฟไลน์ (O2O) ให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น
“ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นเกือบใกล้เคียงช่วงเดือนกุมภาพันธ์”
เกร็ดรดา เบญจอาธรศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นราว 90 – 100% และการทำให้สื่อนอกบ้านมีความน่าสนใจมากขึ้นคือการพัฒนาฐานข้อมูลเชื่อมออฟไลน์สู่ออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ โดย 3 ปีที่ผ่านมา วีจีไอ มีการทำดาต้าพาวเวอร์ทาร์เก็ตติ้ง นำกลุ่มเป้าหมาย 30 ล้านคนจากฐานลูกค้าที่ทำธุรกรรมกว่า 2 หมื่นล้านรายการ เารเชื่อ O2O จะช่วยหากลุ่มเป้าหมายที่สนใจซื้อสินค้า (Lead) และสร้างยอดขายให้กับลูกค้า
สำหรับตัวอย่างการใช้ข้อมูลเพื่อสื่อสารการตลาดผ่านสื่อโฆษณานอกบ้านและออนไลน์ ให้ลูกค้าสินค้าความงานที่ต้องการเข้าตลาดดังกล่าวมูลค่าแสนล้านบาท ผลลัพธ์ที่ได้เปลี่ยนเป็นยอดขายเพิ่ม 3 เท่า ทะลุเป้า 4 เท่าและขึ้นเป็นอันดับ 3 ในหมวดสินค้าดังกล่าว สะท้อนถึงผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุน
บทความโดย กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563